..
แม้พระจันทร์วันเพ็ญจะงดงามสักเพียงไหน
หากดวงใจของเราเศร้าหมอง หรือมีเรื่องกังวลใจ ..
ก็ย่อมจะบดบังความเลอค่าของพระจันทร์ลงไปในทันที..
อันความงดงาม นั้นหาใช่อยู่ที่พระจันทร์ไม่ ..
แต่กลับอยู่ที่ความรู้สึกภายในจิตใจของเราในช่วงเวลานั้นต่างหาก..
..
ผู้คนมากมาย ชอบที่จะรอคอยความสุข หลังเลิกงาน
จนลืมความรู้สึกที่เป็นสุขในระหว่างการทำงานไปเสียหมดสิ้น ..
ปล่อยให้เวลาที่มีความสุขนั้นถูกจำกัดไว้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งอย่างน่าเสียดาย ..
..
ดังนั้น .. เพื่อให้เราไม่เอาเปรียบตัวเราเอง ในฐานะที่เป็นผู้เลิศด้วยปัญญา
แค่เพียงความคิด ที่ปักเสาเข็ม ฝังรากความคิดบวก คิดเพิ่ม
คิดให้ใจดีดี ตอกย้ำไปทุกวันทุกเวลา ทุกวินาที แบบไม่ต้องรั้งรอ
ก็จะกลายเป็นพื้นฐานที่เน้นย้ำให้ความสุขเกิดขึ้นมา
ภายในระบบเส้นประสาทอย่างเป็นอัตโนมัติ..
..
ชีวิต อยู่ที่เราตัดสินใจได้เอง ว่าจะทุกข์ หรือ จะสุข แล้วเดินไปแบบสบาย
เมื่อกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนแล้ว ..ก็จงวางผลลัพธ์เอาไว้ก่อน แล้วทำเหตุให้มันดี
เมื่อเราตั้งใจทำเหตุให้ดีที่สุด ผลลัพธ์กลับมาจะส่งให้เราได้ทุกอย่างที่เราต้องการ
..
ในยามใดที่เราหม่นหมองเศร้า ก็เท่ากับว่าตอนนั้นเรากำลัง Fake
เรากำลังโกหกหลอกลวงตัวเองและหลอกลวงคนอื่นๆ
เพราะชีวิตจริงเรามันไม่จำเป็นต้องรู้สึกอย่างนั้น
ชีวิตไม่ใช่ในละคร หรือนิยายที่คอยบอกว่า ชีวิตต้องวุ่นวาย
ไม่มีประโยชน์ใดใดเลยสักนิดที่จะไปคิดอย่างนั้น
..
การถูกปลอบใจอยู่ตลอดเวลา ไม่อาจส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาว
เราจึงควรที่จะเปลี่ยนวิธีคิด จากปรับทุกข์ ให้มาเป็นรู้จัก..ปรับสุข..แทน
เพราะชีวิตของเราเกิดมา มีสิทธิ์อย่างชอบธรรม ในการที่จะมีความสุขโดยสมบูรณ์
ซึ่งถือเป็นกฏแห่งธรรมชาติ ที่ส่งมอบปัญญานี้ มากับมนุษย์ทุกผู้ทุกนามอยู่แล้ว นั่นเอง
..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น